เชิญติชมได้ที่เมล์นี้นะครับ

angel_memmory@hotmail.com

มีอะไรใหม่

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 6 ลักษณะความเป็นไปในนรก

เบื้องหน้าของเรา ดิฉันสามารถมองเห็นแสงสว่างที่สลัว ๆ สีเหลือง พระเยซูคริสต์และดิฉันได้ออกมาจากอุโมงค์แห่งความกลัว และบัดนี้ยืนอยู่ที่โขดหินสกปรกแห่งหนึ่ง กำลังมองท้องของนรกโดยรอบ มองไกลเท่าที่ดิฉันสามารถมองเห็นได้ มีความเป็นไปจำนวนมากที่กำลังดำเนินอยู่ในศูนย์กลาง (ท้อง) ของนรก
เราหยุด และพระเยซูคริสต์ตรัส “เรากำลังจะพาเจ้าผ่านเข้าไปในท้องของนรก และเรากำลังจะเปิดเผยสิ่งต่าง ๆ มากมายให้เจ้าเห็น มาเถิด ตามเรามา” สองเราเดินต่อไป
พระเยซูคริสต์ตรัส “เบื้องหน้าเรามีความน่าสยดสยองมากมาย สิ่งเหล่านั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากจินตนาการของคนบางคน แต่ว่ามันเป็นความจริง จงแน่ใจที่จะบอกผู้อ่านของเจ้าว่าอำนาจของปีศาจร้ายเป็นความจริง บอกเขาเหล่านั้นด้วยว่าซาตานเป็นจริง และอำนาจแห่งความมืดเป็นจริง แต่จงบอกเขาเหล่านั้นว่าอย่าสิ้นหวัง เพราะว่าหากว่าผู้คนของเราซึ่งถูกเรียกโดยนามของเราจะถ่อมตนและอธิษฐานและหันกลับมาจากวิถีทางที่ชั่วร้ายของพวกเขาแล้วละก็ เราก็จะได้ยินจากสวรรค์และจะรักษาแผ่นดินของพวกเขาและร่างกายของพวกเขา เพียงแต่ว่าจงแน่ใจว่าสวรรค์นั้นเป็นจริง เช่นเดียวกับที่นรกก็เป็นจริง ”
พระเจ้าต้องการให้ท่านรู้เกี่ยวกับนรก และพระองค์ต้องการที่จะช่วยให้เรารอดจากสถานที่แห่งนั้น พระเจ้าต้องการที่จะให้ท่านมีทางออกจาก (นรกนั้นได้) ทางนั้นคือพระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้วิญญาณของท่านรอด ขอให้จำไว้ มีเพียงพวกเขาเหล่านั้น ที่มีชื่อถูกเขียนไว้ในหนังสือ LAMB ‘S BOOK (หนังสือของลูกแกะ) แห่งชีวิตเท่านั้นที่จะได้รับการช่วยให้รอด
เรามาถึงความเป็นไปอย่างแรกของท้องนรก มันอยู่ทางด้านขวาของจุดที่เราได้ผ่านเข้ามา และขึ้นไปยังภูเขาเล็ก ๆ ลูกหนึ่งในมุมมืดของนรก
ดิฉัน จำคำพูดของพระเยซูคริสต์เมื่อพระองค์พูดกับดิฉัน “มัน ดูเหมือนว่าในบางครั้งเราจะทิ้งเจ้าไว้ แต่เราจะไม่ทิ้งเจ้า จงจำไว้ว่าเรามีอำนาจทั้งมวลในสวรรค์และในโลก ในเวลาที่เหล่าวิญญาณปีศาจและวิญญาณที่หลงทางไม่เห็นเรา (ทั้งสอง) หรือไม่รู้ว่าเรา (ทั้งสอง) อยู่ที่นี่ จงอย่ากลัว สิ่งที่เจ้ากำลังจะได้เห็นเป็นสิ่งที่เป็นจริง สิ่งเหล่านี้กำลังจะเกิดขึ้น ณ บัดนี้แล้ว และจะดำเนินการเกิดขึ้นต่อไปจนกว่าความตายและนรกจะถูกเหวี่ยงลงไปในทะเลสาบแห่งไฟ ”

ท่านผู้อ่านทุกท่าน จงทำให้แน่ใจว่าชื่อของท่านถูกเขียน ไว้ในหนังสือของลูกแกะแห่งชีวิต

เบื้องหน้าของเรา ดิฉันสามารถได้ยินเสียงร้องของวิญญาณดวงหนึ่งในความทรมาน เราเดินขึ้นไปบนเขาลูกเล็ก และมองดูโดยรอบ มีแสงสว่างส่องไปในพื้นที่ ดังนั้น ดิฉันจึงสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เสียงร้องที่คล้ายกับว่าท่านไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้กำลังดังอยู่ในอากาศมันเป็นเสียงร้องของชายคนหนึ่ง
“จงฟังเรา” พระเยซูคริสต์ตรัส “สิ่งที่เจ้ากำลังจะเห็นและได้ยินนั้นเป็นความจริง จงเอาใจใส่ต่อผู้ที่ปฎิบัติหน้าที่ของพระคัมภีร์ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความเชื่อถือได้และเป็นคำพูดที่ถูกต้อง จงตื่นตัว ผู้เขียนหนังสือสวรรค์ของพระคริตส์ทั้งหลาย ผู้เทศนาทั้งหลาย และครูทั้งหลาย แห่งถ้อยคำของเรา พวกเจ้าทั้งหมดที่ถูกเรียกมาเทศนา พระคัมภีร์ของพระเจ้า พระเยซูคริสต์ ถ้าหากว่าเจ้ากำลังทำบาป จงสำนึก หรือ มิฉะนั้นเจ้าจะถูกทำลายอย่างเดียวกัน”
เราเดินขึ้นไปภายในสิบห้าฟุตของลักษณะการเคลื่อนไหวนี้ (เราเดินขึ้นไปภายในสิบห้าฟุตของความเป็นไปนี้) ดิฉันได้เห็นร่างเล็กทั้งหลายในเสื้อผ้าสีทึบ กำลังเดินขบวนไปโดยรอบวัตถุ อย่างหนึ่ง ที่ดูเหมือนกล่องใบหนึ่ง ในการพิจารณาอย่างใกล้ชิด ดิฉันมองเห็นว่ากล่องนั้นเป็นโลงศพ และร่างทั้งหลาย ที่เดินขบวนอยู่รอบโลงศพนั้นเป็นพวกปีศาจ มันเป็นโลงศพจริง ๆ และปีศาจสิบสองตนกำลังเดินขบวนอยู่รอบโลงศพ ในขณะที่มันเดินขบวน พวกมันกำลังร้องเพลงและหัวเราะ ปีศาจแต่ละตนมีหอกที่แหลมคมอยู่ในมือ ซึ่งพวกมันทำการแทงเข้าไปในโลงศพผ่านช่องที่เปิดเล็ก ๆ ที่เรียงรายอยู่ด้านนอก ตลอดเวลา
มีความรู้สึกที่น่าหวาดกลัวอย่างใหญ่หลวงอยู่ในอากาศ และดิฉันสั่นเทาต่อภาพที่อยู่เบื้องหน่าของดิฉัน
พระเยซูรู้ความคิดของดิฉัน เพราะว่าพระองค์ตรัสว่า “เด็กเอ๋ย มีดวงวิญญาณมากมายที่ถูกทรมานอยู่ในที่นี่ และมีรูปแบบแห่งการทรมานที่แตกต่างกันมากมาย สำหรับดวงวิญญาณเหล่านี้ มีการลงโทษที่หนักหนากว่านี้สำหรับวิญญาณที่ครั้งหนึ่งเคยได้เทศนาพระคัมภีร์ แต่ หวนกลับคืนไปสู่ความผิดบาป หรือสำหรับวิญญาณที่มิได้เชื่อฟังเสียงเรียกของพระเจ้าเพื่อชีวิตของพวกเขา”
ดิฉันได้ยินเสียงร้องอย่างเลวร้ายเสียจนกระทั่งว่าเสียงร้องนั้นบรรจุหัวใจของดิฉันด้วยความสิ้นหวัง “ไม่มีความหวัง ไม่มีความหวัง ” เขาร้องออกมา เสียงร้องที่ไม่มีความหวังได้มาจากโลงสพ มันเป็นการคร่ำครวญที่ไม่มีวันสิ้นสุดแห่งความเสียใจ
“พระเจ้า ช่างน่ากลัวเสียนี่กระไรเลย” ดิฉันพูด
“มาเถิด ” พระเยซูคริสต์ตรัส “ให้เราเข้าไปใกล้อีก” พร้อมกันนี้ พระองค์เดินเข้าไปที่โลงศพและมองเข้าไปในภายใน ดิฉันเดินตามไปและมองเข้าไปในภายในเหมือนกัน ปรากฎว่าวิญญาณของปีศาจไม่สามารถมองเห็นเรา
มีหมอกสีเทาที่สกปรกเต็มอยู่ในด้านในของโลงศพ มันเป็นวิญญาณของผู้ชายคนหนึ่ง ในขณะที่ดิฉันดู พวกปีศาจแทงหอกของพวกมันเข้าไปในวิญญาณของชายคนนั้นที่อยู่ในโลงศพ
ดิฉันจะไม่ลืมความทุกข์ทรมานของวิญญาณดวงนี้ ดิฉันร้องต่อพระเยซู “ปล่อยเขาออกมาเถิด พระเจ้าข้า ปล่อยให้เขาออกมาเถิด” การทรมานดวงวิญญาณของเขาเป็นภาพที่สยดสยองเช่นนี้ ถ้าเพียงแต่ว่าเขาสามารถออกมาได้ ดิฉันดึงมือที่พระเยซูคริสต์และวิงวอนพระองค์ให้ปล่อยชายคนนี้ออกมาจากโลงศพ

พระเยซูคริสต์ตรัส “เด็กของเราเอ๋ย จงสงบ จงนิ่ง”
ในขณะที่พระเยซูคริสต์ตรัส ชายคนนี้มองเห็นเรา เขาพูดว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า ให้ผมออกไป โปรดเมตตา ” ดิฉันมองลงไปและมองเห็นสภาพหมดหวังที่เปื้อนเลือด ต่อหน้าต่อตาดิฉันเป็น วิญญาณดวงหนึ่ง ภายในวิญญาณนั้นเป็นหัวใจของผู้ชายคนหนึ่ง และมีเลือดพุ่งกระฉูดออกมาจากหัวใจนั้น การแทงด้วยหอกนั้นได้แทงทะลุเข้าไปในหัวใจของเขาโดยตรง
“ผมจะรับใช้พระองค์เดี๋ยวนี้ พระองค์เจ้าข้า” เขาวิงวอน “โปรดให้ผมออกไปเถิด” ดิฉันรู้ว่าชายคนนี้รู้สึกถึงการที่หอกแทงเข้าไปในหัวใจของเขาทุกครั้ง
“วันและคืน เขาถูกทรมาน” พระเยซูคริสต์ตรัส “เขาถูกนำมาไว้ที่นี่โดยซาตาน และเป็นซาตานที่ทรมานเขา
ผู้ชายคนนี้ร้องว่า “พระองค์เจ้าข้า บัดนี้ผมจะเทศนาพระคัมภีร์อย่างแท้จริง ผมจะบอกเกี่ยวกับความผิดบาปและนรก แต่โปรดช่วยผมให้ออกไปจากที่นี่เถิด ”
พระเยซูคริสต์ตรัส “ชายคนนี้เป็นนักเทศน์เกี่ยวกับพระคำของพระเจ้า มีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อเขารับใช้เราด้วยหัวใจทั้งหมดของเขาและนำผู้คนมากมายไปสู่การช่วยดวงวิญญาณ ผู้ที่เลื่อมใสของเขาบางคนยังคงรับใช้เราในทุกวันนี้ หลายปีต่อมา ความทะเยอทะยานทางเนื้อหนังและการหลอกลวงคนรวยได้นำเขาไปสู่ความหลงผิด เขาปล่อยให้ซาตานครอบงำเขา เขามีโบสถ์หลังใหญ่ มีรถยนต์ที่สวยงามหนึ่งคัน มีรายได้ก้อนใหญ่ เขาได้เริ่มต้นขโมยของบริจาคจากโบสถ์
เขาเริ่มต้นสอนการโกหก ส่วนมากแล้วเขาพูดโกหกครึ่งหนึ่งและพูดความจริงครึ่งหนึ่ง เขาไม่ยอมให้เราแก้ไขเขาให้ถูก เราได้ส่งผู้ส่งสาส์นไปยังเขาเพื่อให้เขาสำนึกและเทศนาตามความจริง แต่ว่าเขารักความสนุกสนานของชีวิตของเขามากกว่าชีวิตของพระเจ้า เขาไม่รู้ที่จะสอนหรือเทศนาคัมภีร์อื่นใดนอกจากความจริงที่ถูกเปิดเผยในพระคัมภีร์ไบเบิล แต่ว่าก่อนที่เขาจะตายเขาพูดถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ ว่าเป็นการโกหกอย่างหนึ่งและว่าคนเหล่านั้นที่ประกาศว่ามีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพวกคนปลิ้นปล้อน เขาพูดว่าเจ้าควรที่จะเป็นคนขี้เหล้าและได้ไปสู่สวรรค์” แม้กระทั่งปราศจากความสำนึก
เขาพูดว่าพระเจ้า จะไม่ส่งใครไปนรก เพราะว่าพระเจ้านั้นดีเกินกว่าที่จะทำเช่นนั้น เขาเป็นต้นเหตุทำให้คนดี ๆ เสื่อมจากพระคุณของพระเจ้า เขาถึงกับพูดว่าเขาไม่ต้องการเรา เพราะว่าเขาเป็นเหมือนพระเจ้าองค์หนึ่ง เขาไปไกลถึงกับว่าเขาจัดการสัมมนาเพื่อที่จะสอน คำสอนที่ผิด ๆ เขาเหยียบย่ำโลกที่บริสุทธิ์ของเราอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา ถึงกระนั้นก็ตาม เราก็ยังคงรักเขาต่อไป
“ลูกของเราเอ๋ย มันเป็นการดีที่จะไม่รู้จักเรายิ่งกว่าที่จะรู้จักเราแล้วก็หันหลังจากการรับใช้เรา” พระเยซูคริสต์ตรัส
“ถ้าเพียงแต่ว่าเขาฟังพระองค์เท่านั้น พระเจ้าข้า ” ดิฉันร้องออกมา” ถ้าเพียงแต่ว่าเขาระวังเกี่ยวกับวิญญาณของเขาและวิญญาณของคนอื่นเท่านั้น“
“เขามิได้ฟังเรา เมื่อเราเรียกเขา เขาก็ไม่ฟังเรา เขารักชีวิตที่สุขสบาย เราเรียกเขาและเรียกเขาให้สำนึก แต่ว่าเขามิได้หวนกลับคืนมาหาเรา วันหนึ่งเขาถูกฆ่าและมาที่นี่ในทันทีทันใด บัดนี้ซาตานได้ทรมานเขาเพราะว่าครั้งหนึ่งเขาได้เคยเทศนาถ้อยคำของเรา และช่วยวิญญาณให้รอดพ้นเพื่ออาณาจักรของเรา นี่เป็นการทรมานเขา”

ดิฉันมองพวกปีศาจในขณะที่พวกมันเดินขบวนต่อไปโดยรอบโลงศพ หัวใจของผู้ชายเต้นและเลือดจริงๆไหลออกมาจากหัวใจนั้น ดิฉันจะไม่ลืมเสียงร้องแห่งความเจ็บปวด และแห่งความโศกเศร้าของเขา
พระเยซูคริสต์มองไปที่ชายคนนี้ในร่างศพด้วยความรู้สึกสงสารอย่างใหญ่หลวงและตรัสว่า “เลือดของวิญญาณที่หลงทางจำนวนมากอยู่ในมือของชายคนนี้ พวกเขาจำนวนมากถูกทรมานแล้วในบัดนี้ ” ด้วยหัวใจที่เศร้าระทม พระเยซูคริสต์และดิฉันเดินต่อไป
ในขณะที่เราเดินจากไป ดิฉันมองเห็นผีร้ายอีกกลุ่มหนึ่งกำลังตรงมาที่ร่างศพ ผีร้ายพวกนี้มีความสูงประมาณ สามฟุต สวมเสื้อผ้าชุดสีดำ โดยมีผ้าคลุมใบหน้าของพวกมัน พวกมันกำลังสับเปลี่ยนการทรมานวิญญาณดวงนี้
ดิฉันคิดว่ามันช่างน่าภูมิใจเสียนี่กระไรเลยที่ในเวลานี้ ได้ทำให้พวกเราที่ไม่ปรารถนาที่จะยอมรับเอาความผิดพลาดและร้องขอการให้อภัย ที่ปฎิเสธที่จะสำนึกและถนอมตนและเราดำเนิน ต่อไปราว กับว่าเราเคยเป็นผู้ชอบธรรมตามลำพัง แต่ทว่าจงฟัง ทุกดวงวิญญาณเอ๋ย นรกนั้นเป็นจริง โปรดอย่าได้ไปยังสถานที่แห่งนั้นเลย
ครั้นแล้วพระเยซูได้แสดงนาฬิกาเรือนยักษ์ให้ดิฉันดู ยื่นข้ามไปยังโลกทั้งโลก และดิฉันได้ยินเสียงมันเดินติ๊กๆ เข็มชั่วโมงกำลังอยู่ใกล้ตำแหน่งเลข12:00นาฬิกา และเข็มนาทีหมุนไปโดยรอบจนกระทั่งมาหยุดที่3นาทีก่อน12:00นาฬิกา เข็มนาทีเดินตรงไปยังชั่วโมงอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่มันเดิน เสียงติ๊ก ๆ กลายเป็นดังขึ้น และดังขึ้นจนกระทั่งมันดูเหมือนจะเติมโลกทั้งโลกให้เต็ม
พระเยซูคริสต์ตรัสเหมือนกับแตร และเสียงของพระองค์ฟังเหมือนกับธารน้ำ “จงฟังและได้ยินสิ่งที่พระวิญญาณกำลังช่วยโบสถ์ให้รอด ” พระองค์ตรัส “จงพร้อม เพราะว่าในเวลาที่เจ้าคิดว่า (เวลายังมาไม่ถึง) เราจะมาอีกครั้งหนึ่ง เราได้ยินเสียงจากนาฬิกาตี มันเป็นเวลา12:00นาฬิกา เจ้าบ่าวได้มารับเจ้าสาวของเขาแล้ว ”
ท่านพร้อมแล้วสำหรับการมาของพระคริสต์หรือไม่ เพื่อนของดิฉันเอ๋ย หรือว่าท่านจะเป็นเหมือนคนเหล่านั้นที่พูด “ไม่ใช่วันนี้ พระองค์เจ้าข้า ” ท่านเรียกพระองค์และได้รับการช่วยให้รอดหรือไม่ ท่านจะมอบหัวใจของท่านแด่พระองค์ในวันนี้หรือไม่ จำไว้เถิด พระเยซูคริสต์สามารถช่วยให้ท่านรอดจากนรกความชั่วร้ายได้หากท่านเรียกหาพระองค์ในวันนี้และสำนึก จงอธิษฐานเพื่อครอบครัวของท่านและของคนรักของท่านว่าพวกเขาจะ มาหาพระคริตสต์ก่อนที่มันจะสายเกินไป
จงฟังในขณะที่พระเยซูคริสต์ตรัส “เราจะป้องกันเจ้าจากความชั่วร้าย เราจะรักษาเจ้าตลอดเส้นทางของเจ้า เราจะช่วยให้เจ้ารอด เราจะช่วยให้คนรักของเจ้ารอด จงเรียกหาเราในวันนี้และมีชีวิตอยู่ต่อไป ”
โดยน้ำตาที่นองหน้า ดิฉันได้อธิษฐานว่าท่านทั้งหลายทั้งปวง ผู้ที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้จะตระหนักถึงความความจริงก่อนที่มันจะสายเกินไป นรกนั้นมีอยู่ชั่วกาลปวสาน ดิฉันกำลังพยายามทำดีที่สุดตามความสามารถของดิฉันเพื่อที่จะเปิดเผยสิ่งทั้งปวงที่ดิฉันได้มาเห็นและได้ยิน ดิฉันรู้ว่าสิ่ง เหล่านี้เป็นความจริง ในขณะที่ท่านอ่านส่วนที่เหลือของหนังสือนี้ ดิฉันได้อธิษฐานว่าท่านจะสำนึกและรับเอาพระเยซูคริสต์มาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของท่านที่ช่วยให้ท่านรอด
ดิฉันได้ยินพระเยซูคริสต์ตรัส “มันเป็นเวลาที่จะไป เราจะกลับมาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้”

2 ความคิดเห็น:

  1. พี่เข็ม .. โห ทำกันได้นะพี่ ทำเป็นซะขนาดนี้ ไม่คิดจะมาถ่ายทอดวิทยายุทธให้กันมั่ง บอกแต่ว่า มันง่ายๆ หลักการอะไรก็ลืม คืนอาจารย์หมดแล้ว เด๋วปั๊ดเหนี่ยวเลย สมองมันมีรอยหยักน้อยเนี่ย ไม่รู้รึไง ไอ้ที่บอกมาเมื่อวันอาทิตย์ก็จะพยายามทำละกันนะ กรุณารับข้าเป็นศิษย์..(แล้วก็มาดูแลกันมั่งเด้)-..-*

    ตอบลบ
  2. เอ่อ..ลืม
    พระเจ้าอวยพระพรมากมายเด้อค่า

    ตอบลบ